ฝีดาษลิงที่เป็นข่าวช่วงนี้อาจทำให้คนที่มีตุ่มขึ้นบนผิวหนังโดยไม่รู้สาเหตุรู้สึกกังวลขึ้นมาได้ แต่จริง ๆ แล้ว ผื่นหรือตุ่มที่ขึ้นก็เป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ ได้อีกหลายโรค
ฝีดาษลิง
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/7859f370-da68-4518-aaf8-bfbae026189c.jpg)
ภาพจาก : สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
ส่วนลักษณะผื่นฝีดาษลิงจะพัฒนาไปตามระยะ คือ มีผื่นนูนแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง สีขาวเหลือง มีรอยบุ๋มตรงกลาง จนกระทั่งในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดหลุดออกมา โดยจะเริ่มมีตุ่มภายใน 1-3 วัน หลังมีไข้ และอาจขึ้นบริเวณใบหน้า ก่อนจะกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แขน ขา หรืออาจพบในบริเวณช่องปาก รวมไปถึงอวัยวะเพศได้ด้วย
ฝีดาษลิง กับ 10 เรื่องที่ควรเข้าใจ ทำไมคนเกิดหลังปี พ.ศ. 2523 ถึงเสี่ยงกว่ากลุ่มอายุอื่น
เริม
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/bd37e415-4218-43ae-af7b-df56455cbcb4.jpg)
ส่วนลักษณะตุ่มจะเป็นตุ่มใสเล็ก พอง ขึ้นรวมกันเป็นกลุ่มและลามอย่างรวดเร็ว ภายในตุ่มใสจะมีน้ำอยู่ข้างใน หลังจากนั้นจะแตกออกกลายเป็นแผล จนรู้สึกเจ็บและแสบแผลได้ และหากตุ่มโดนน้ำอยู่ตลอดเวลาก็อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วตุ่มน้ำใสเหล่านี้จะแห้งได้เองภายใน 7-10 วัน หลังมีอาการแสดง แต่หากเจอความชื้น ดูแลแผลไม่ดี อาจหายช้ากว่าปกติได้
เริมที่ปาก ตุ่มน้ำใสที่ทั้งแสบทั้งคัน ไม่อยากปากพังระวังให้ดี
อีสุกอีใส (Chickenpox)
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/7c32b305-4bbc-49fd-bb2c-3a9454a93803.jpg)
โรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella virus) หรือ Human herpes virus type 3 โดยนอกจากจะมีตุ่มขึ้นที่ผิวหนังแล้วก็ยังมีไข้ร่วมด้วย โดยเริ่มแรกจะเป็นผื่นแดงราบ ลามกระจายตามใบหน้า ลำตัว แผ่นหลัง มีอาการคันมาก ต่อมาก็พัฒนาเป็นตุ่มใส จากนั้นตุ่มจะเริ่มแตกกลายเป็นสะเก็ดแผลครอบตุ่มน้ำอีกที ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะหายเองได้ภายใน 1-3 สัปดาห์ค่ะ แต่หากเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นจากการติดเชื้อจากแผลที่เกิดขึ้นทั้งตัว อาจทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น แก้วหูอักเสบ ปอดอักเสบ ตับอักเสบ หรือติดเชื้อในสมองได้เช่นกัน
ดังนั้นหากเป็นอีสุกอีใสแล้วมีอาการปวดหู ไอ หายใจเหนื่อย เจ็บหน้าอก ตาเหลือง ตัวเหลือง (ดีซ่าน) ปวดศีรษะมาก ซึมลง อาการใดอาการหนึ่งหรือมากกว่า ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเพิ่มเติม เพราะโรคแทรกซ้อนบางอาการอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
โรคมือเท้าปาก
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/fba28e3e-867b-4f9c-b64e-f774cfd8cc49.jpg)
ทั้งนี้ นอกจากตุ่มขึ้นแล้ว อาการโรคมือเท้าปากมักจะมีอาการไข้ เจ็บปาก กินอะไรไม่ค่อยได้ น้ำลายไหล มีแผลในปากคล้ายร้อนใน โดยอาการจะหนักในช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อย ๆ ทุเลาจนหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงหรือโรคแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะหากผู้ป่วยติดเชื้อ EV 71 (สายพันธุ์รุนแรง) หรือมีภูมิต้านทานต่อโรคค่อนข้างต่ำ ดังนั้นหากต้องสงสัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
ซิฟิลิส
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ced3b7fb-07a6-49a0-a28f-3c79e3790efb.jpg)
อย่างการติดเชื้อระยะแรก จะเห็นเป็นแผลริมแข็ง มีขอบนูนแข็ง แผลไม่เจ็บ ดูสะอาด และมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมาจะมีผื่นสีแดงน้ำตาลขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรืออาจพบได้ทั่วตัว ซึ่งผื่นที่ขึ้นจะไม่มีอาการคัน หรืออาจพบผื่นสีเทาในปาก คอ ปากมดลูก และอาจพบหูดในบริเวณที่อับชื้น เช่น รักแร้ ทวารหนัก ขาหนีบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเรียกว่าอาการระยะเข้าข้อหรือออกดอก โดยจะมีอาการราว ๆ 1-3 เดือน และจะหายไปได้เอง แต่ก็กลับมาเป็นใหม่ได้หากติดเชื้อซ้ำอีก
ซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตัวร้าย ป้องกันง่ายแค่สวมถุงยาง
แผลพุพอง
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/68bd5f5e-07f5-4dd0-9e5e-3f22702e48e8.jpg)
กลาก
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/9c54b1c5-8c96-499e-889e-a1d803dd8851.jpg)
โรคกลาก เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophyte) ติดต่อกันง่าย จากสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวก็เป็นพาหะได้ โดยลักษณะกลากจะเป็นผื่นสีแดง ทรงวงกลมหรือวงแหวนที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ และอาจมีตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ หรือมีขุยสีขาวบาง ๆ ที่ขอบ ซึ่งจะพ่วงมากับอาการคันมาก ในบางคนอาจเป็นตุ่มหนองด้วย
โดยกลากเกิดขึ้นได้กับหลายส่วนในร่างกาย ทั้งหนังศีรษะ ตามลำตัว ส่วนที่อับชื้นต่าง ๆ เช่น ขาหนีบ ที่เรียกว่าสังคัง นิ้วเท้า ที่เรียกว่าฮ่องกงฟุต หรือที่เล็บก็เป็นกลากได้เช่นกัน และด้วยความที่กลากเป็นโรคที่ติดต่อกันง่าย ดังนั้นควรรีบรักษาให้หายโดยไว จะได้ไม่นำไปติดคนอื่นนะคะ
งูสวัด
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ca2dc829-acd6-4904-a48b-f9380fa2f0c1.jpg)
ส่วนอาการเริ่มแรกจะปวดแสบร้อนลึก ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ และอาจมีไข้ร่วมด้วยหลังจากที่ปวดแสบร้อนได้ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มเป็นผื่นแดง ต่อมาผื่นแดงก็จะกลายเป็นตุ่มน้ำใสเต่ง ๆ (รูปร่างคล้ายหยดน้ำกลิ้งบนใบบัว) เรียงกันเป็นกลุ่ม ๆ เป็นแนวยาว ๆ ตามเส้นประสาทของร่างกายเป็นหย่อม ๆ เช่น ตามความยาวของแขน หรือตามความยาวของขา หรือรอบเอว รอบหลัง หรือศีรษะ เป็นต้น ซึ่งตุ่มน้ำใสเต่ง ๆ ของงูสวัดนี้จะแตกออกเป็นแผล ต่อมาก็จะตกสะเก็ด และหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์
งูสวัด อาการโรคผิวหนังจากเชื้อไวรัสที่ร่างกายอ่อนแอปั๊บ ต้องระวังเลย
สะเก็ดเงิน
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/d68a30a8-184a-4f3b-b62e-34a070cb9f4b.jpg)
โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน มีปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ เช่น ภาวะทางจิตใจ ความเครียด ความโกรธ หงุดหงิด ฉุนเฉียว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน, การเกิดโรคของอวัยวะภายในต่าง ๆ เช่น โรคตับ โรคไต เป็นต้น
อาการมีหลายลักษณะ ที่พบบ่อยคือ มีผื่นแดงหนา มีขุยละเอียดหรือขุยหนา ๆ สีขาวหรือสีเงินบนแผล แต่ก็มีชนิดที่เป็นตุ่มได้เหมือนกัน โดยมีทั้งแบบตุ่มแดงคล้ายหยดน้ำขนาดเล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตร หรือตุ่มหนองกระจายบนผิวหนัง รู้สึกปวดบวม ในรายที่เป็นมากอาจมีไข้ร่วมด้วย
โรคสะเก็ดเงิน ผื่นเล็ก ๆ ขึ้นตามร่างกาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าแค่เครียดก็เป็นได้
ผดร้อน
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ecb17e47-9a63-4855-b0af-43bf91c35df2.jpg)
ผดร้อน เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ และมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นปื้นแดง หรือเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ขนาดเล็ก รวมกันเป็นกระจุก สามารถแตกเป็นสะเก็ดได้ง่าย อาจมีอาการคันและแสบหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของผดร้อน แต่หากเกิดการเสียดสีบริเวณที่เป็นผดร้อนก็อาจเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อจนกลายเป็นตุ่มหนองได้ ซึ่งควรรีบรักษา เพราะอาจมีอาการแสบคันหนักกว่าเดิม
หัด
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/663c560c-8cc7-43a9-b3dc-44d7e767886e.jpg)
โรคหัด และหัดเยอรมัน ภัยสุขภาพที่ต้องระวัง ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
หัดเยอรมัน
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/55d9abf8-2001-487e-a7cf-7effb8356c6c.jpg)
หิด
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ba16a619-6f9a-4acc-b077-84637b654281.jpg)
หิด เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อตัวไรเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Sarcoptes scabiei ซึ่งมาอาศัยอยู่ในรูขุมขน ออกไข่ และฟักเป็นตัวอ่อน ส่งผลให้มีตุ่มนูนแดง ทั้งแบบตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนองตรงรูขุมขนนั้น ๆ ก่อให้เกิดอาการคันรุนแรงโดยเฉพาะในเวลากลางคืน และหากมีใครมาสัมผัสหิดก็จะติดได้ง่าย หรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นหิดก็ติดต่อกันได้ รวมไปถึงการร่วมเพศก็ส่งต่อตัวหิดได้เช่นกัน
หูดข้าวสุก
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ec139e9a-f575-498a-9472-cdf8e0451fc6.jpg)
หูดหงอนไก่
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/fcff8779-db7b-4b13-bde2-318b54347197.jpg)
ภาพจาก : กรมควบคุมโรค
หูดหงอนไก่ก็จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกัน แต่เกิดจากเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ที่เป็นตระกูลเชื้อต้นเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกด้วย อาการจะเริ่มจากเป็นผื่นสีออกน้ำตาลไปทางชมพู มีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ หรือแบบหงอนที่หัวไก่ชน เป็นติ่งเนื้ออ่อน ๆ สีชมพู บางคนอาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ แห้ง ๆ คล้ายมีขี้ไคลคลุม บางคนอาจเป็นตุ่มนูนแบน และตุ่มนูนเล็ก หรือมีหลายชนิดปนกัน มีขนาดแตกต่างกัน การเรียงตัวอาจติดกัน หรือกระจายตัวไปทั่ว
โดยหูดหงอนไก่อาจเป็นก้อนเล็ก ๆ จนถึงก้อนโตจนอุดกั้นช่องคลอด ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะเลยก็ได้ บางรายอาจมีเลือดออกมาจากก้น คัน มีการตกขาวผิดปกติ รวมทั้งแสบร้อนที่อวัยวะเพศ ซึ่งหากพบอาการเหล่านี้ควรไปตรวจกับสูตินรีแพทย์โดยด่วน
แพ้ยา
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/383d14bf-b8dd-47f8-b999-851beff746e0.jpg)
ผื่นแดง คล้ายลมพิษ มีอาการคัน เป็นอาการแพ้ยาที่พบได้บ่อย โดยอาจมีอาการบวมแดงที่ผิวหนัง ตาบวม หน้าบวม ร่วมด้วยได้ และหากแพ้หนัก ๆ อาจมีผื่นขึ้นทั้งตัว โดยเป็นผื่นแดงเป็นปื้น มีตุ่มเล็ก ๆ เป็นตุ่มหนอง หรือตุ่มน้ำพองใส หรือบางรายอาจแสบผิวหนัง ผิวหนังหลุดลอก เป็นต้น
ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis)
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/512077eb-f952-4f8d-9158-f6e13d563a2c.jpg)
สำหรับใครที่มีผื่นแดง หรือตุ่มนูนแดงขึ้นบนผิวหนัง และคันมาก หรือมีตุ่มน้ำใสที่พอแตกจะมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาด้วย พอแห้งก็กลายเป็นสะเก็ดแข็งติดผิว ต้องสงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง และหากเป็นเรื้อรัง ผิวตรงนั้นจะมีลักษณะเป็นแผ่นหนา แข็ง มีขุย โดยในผู้ใหญ่จะพบมากในบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา คอ ใบหน้า และผิวหนังที่มีการเสียดสีมาก ๆ แต่ในเด็กจะพบได้มากบริเวณใบหน้าและศีรษะ
โรคนี้เกิดได้จากกรรมพันธุ์ หรือเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น เมื่อเจอละอองเกสร สภาพอากาศร้อนจัด เหงื่อออก หรือเย็นจัดจนผิวแห้งแตก หรือเปลี่ยนยี่ห้อสบู่ แชมพู ผงซักฟอก ก็จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิว คัน หรือมีผื่นตุ่มที่ผิวหนังได้
ผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic eczema)
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/4ddbdd97-fdce-45f7-be0f-6c42096282c3.jpg)
โดยลักษณะอาการจะมีตุ่มใส ๆ แข็ง ๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ด้านข้าง ๆ นิ้วมือ นิ้วเท้า ซึ่งแรก ๆ ตุ่มอาจจะมีขนาดเล็ก แต่นาน ๆ ไปอาจขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเซนติเมตรได้ ร่วมกับมีอาการคัน และน้ำใส ๆ จะเปลี่ยนเป็นหนองจากการติดเชื้อ สุดท้ายผิวหนังบริเวณที่เป็นตุ่มน้ำจะแห้ง ตกสะเก็ด และลอกเป็นแผ่นหนา ๆ ออกไปได้
โรคตุ่มน้ำพอง เพมฟิกัส (Pemphigus)
![ตุ่มบนผิวหนัง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/fe813aea-78c5-4478-9cd5-fcc365c8f343.jpg)
ส่วนลักษณะตุ่มน้ำพองอาจพบเป็นผื่นแดงขึ้นตามผิวหนังก่อน จากนั้นจะเป็นตุ่มน้ำพองใส สามารถแตกออกได้ง่าย และเมื่อตุ่มใสแตกแล้วจะขยายออกเป็นวงกว้าง เป็นแผลถลอก โดยอาจมีสะเก็ดน้ำเหลืองให้เห็นด้วย อีกทั้งจะเจ็บและแสบมาก ๆ หากตุ่มใสแตก ทว่าเมื่อแผลหายแล้วจะไม่เป็นแผลเป็นนะคะ เพียงแต่อาจเป็นรอยดำ ๆ อย่างชัดเจน และโชคไม่ดีด้วยที่โรคนี้จะเป็นอย่างเรื้อรัง ดังนั้นหากพบสัญญาณของโรค ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาแต่เนิ่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ตุ่มที่ขึ้นบนผิวหรือผื่นตามผิวหนังอาจบอกได้อีกหลายโรคที่เราไม่ได้กล่าวถึง เพราะสาเหตุของการเกิดมีหลากหลายมาก ๆ ดังนั้นหากพบตุ่มหรือผื่นที่ไม่รู้ที่มา และลองรักษาเองแล้วไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยอาการจะดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคผิวหนัง
ขอบคุณภาพจาก : กรมควบคุมโรค, สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลวิชัยเวช, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล