ปวดท้องตรงกลางหลังกินข้าว
จากสาเหตุที่ไม่ใช่โรค
1. กินเยอะเกินไป
2. กินอาหารเร็วเกินไป
3. อาหารไม่ย่อย
อาหารไม่ย่อยเป็นความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร ที่จะก่อให้เกิดอาการปวดมวนท้อง แน่นท้อง แสบท้อง ไม่สบายบริเวณช่องท้องส่วนบน และอาจมีอาการท้องอืด คลื่นไส้ เรอ หรือแสบร้อนกลางอกร่วมด้วยในบางคน มักเกิดจากการกินเร็วหรือกินมากเกินไป รวมถึงกินอาหารที่มีไขมันสูง อาหารเผ็ดจัด อาหารและเครื่องดื่มที่มีกรดมาก เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ตลอดจนเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
12 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ปราบอาการแน่นท้อง คืนความสุขให้กระเพาะ
4. แพ้อาหาร
5. อาหารเป็นพิษ
หากกินข้าวแล้วปวดท้องตรงกลาง โดยเฉพาะหากกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารที่ไม่สดใหม่ ไม่ถูกสุขอนามัย สุ่มเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค และหลังรับประทานไปแล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียแบบถ่ายเหลว อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษได้นะคะ และถ้าอาการยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวคือ อาเจียนรุนแรง หรือถ่ายมากกว่า 8-10 ครั้งต่อวัน ร่วมกับอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
อาหารเป็นพิษ ความทรมานทางกาย เป็นแล้วกี่วันหาย กินอะไรได้บ้าง
กินข้าวแล้วปวดท้องตรงกลาง
เกิดจากโรคอะไรได้บ้าง
1. โรคกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร
หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด คือสโลแกนของโรคกระเพาะอาหาร โดยตำแหน่งที่ปวดก็จะเป็นช่องท้องส่วนบน หรือปวดท้องตรงกลาง ร่วมกับอาการจุกเสียด แน่นท้อง มีลมเยอะ ยิ่งหากช่วงที่หิวข้าว ท้องว่าง หรือหลังกินข้าว แล้วปวดท้องตรงกลาง ก็ควรสงสัยโรคนี้ไว้ก่อน
2. กรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนอาจมีอาการเด่นคือ แสบร้อนกลางอก เรอเหม็นเปรี้ยว หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ แต่นอกจากนี้แล้วยังมีอาการปวดท้องตรงกลางแถว ๆ ใต้ลิ้นปี่ร่วมด้วยได้
3. ลำไส้แปรปรวน
4. นิ่วในถุงน้ำดี
หากมีอาการกินข้าวแล้วปวดท้องตรงกลาง โดยเฉพาะหลังกินอาหารไขมันสูง อาจเกี่ยวข้องกับโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ ซึ่งโรคนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอาการแสดงเด่นชัดเท่าไร ผู้ป่วยอาจสังเกตอาการได้จากอาการท้องอืด ปวดเสียดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือแถว ๆ ลิ้นปี่ หลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ หากปล่อยให้อาการหนักมากขึ้นอาจเสี่ยงต่อภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน มีไข้ คลื่นไส้ หรือดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง จากนิ่วที่ไปอุดตันท่อน้ำดี
5 พฤติกรรมเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี ปวดท้องข้างขวาแบบนี้ต้องเช็กอาการ
5. ตับอ่อนอักเสบ
อาการแสดงของโรคนี้จะสังเกตได้จากอาการปวดท้องตรงกลางหลังกินอาหารอิ่ม และอาจปวดท้องลามไปที่หลัง มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วยได้ ซึ่งหากพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้หรือมีภาวะเสี่ยงก็อย่านิ่งนอนใจ รีบไปตรวจสุขภาพสักหน่อยดีกว่า
เช็ก 12 โรคตับที่พบได้บ่อย เครื่องในที่ป่วยเล็กน้อย ก็ไม่น่าไว้ใจ
6. ไทรอยด์เป็นพิษ
ไทรอยด์เป็นพิษ คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ซึ่งจะไปกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร ให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง ถ่ายบ่อย ท้องเสียหลังกินข้าวได้ด้วย ส่วนอาการเด่น ๆ ของไทรอยด์เป็นพิษก็จะมีกินแล้วไม่อ้วน น้ำหนักลดผิดปกติ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อารมณ์แปรปรวน ตาโปน กลอกตาไม่ได้ ผมร่วง กระดูกบาง และประจำเดือนมาไม่ปกติ
ไทรอยด์เป็นพิษ... ท้องเสียบ่อย น้ำหนักลด กินเท่าไรก็ไม่อ้วน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือน
กินข้าวแล้วปวดท้อง
รักษายังไงได้บ้าง
หากกินข้าวแล้วปวดท้องตรงกลางแบบไม่บ่อยนัก อาจลองสังเกตพฤติกรรมตัวเองดูว่ากินอาหารประเภทไหนแล้วจะแสดงอาการ และลองงดอาหารเหล่านั้นสักระยะ อาการก็อาจจะดีขึ้นได้ ร่วมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรับประทานอาหาร กินแต่พออิ่ม หลีกเลี่ยงการกินมื้อใหญ่ แต่แบ่งเป็นมื้อย่อย ๆ แทน และเคี้ยวอาหารให้ช้า ๆ ก็จะช่วยป้องกันอาการปวดท้องตรงกลางหลังกินข้าวได้
ทว่าในคนที่มีอาการนี้บ่อยครั้ง เป็น ๆ หาย ๆ วนไป อาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ เช็กความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ในร่างกาย และเข้ารับการรักษาตามกระบวนการ
กินข้าวแล้วปวดท้องตรงกลาง
แบบไหนควรพบแพทย์
ในคนที่มีอาการปวดท้องตรงกลางหลังกินข้าวร่วมกับอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
-
ซึม
-
มีไข้
-
คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง
-
ปวดท้องอย่างรุนแรง
-
ปวดท้องลามไปที่หลัง
-
หัวใจเต้นเร็ว
-
ตัวเหลือง ตาเหลือง จากดีซ่าน
- ปวดท้องตรงกลาง ปวด ๆ หาย ๆ ป่วยอะไรได้บ้าง
- ปวดท้องส่วนบน ปวดท้องเหนือสะดือ บอกโรคอะไร อาการแบบไหนต้องไปหาหมอ
- ปวดท้องข้างซ้าย เกิดจากอะไร เคลียร์ให้เข้าใจ อย่าปล่อยให้สายเกินแก้
- ปวดท้องข้างขวาเป็นอะไร อาการปวดนี้ส่อโรคอะไรได้บ้างนะ ?
- ปวดท้องตรงไหน ต้องสงสัยโรคนิ่วในไต
- ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ต้องระวังถุงน้ำรังไข่แตก !