ความเครียดมีกันได้ทุกคน แต่หากเครียดลงกระเพาะขึ้นมาจะไม่ใช่แค่ปวดหัวแล้วนะ แต่อาจเป็นโรคกระเพาะได้ด้วย
![เครียดลงกระเพาะ เครียดลงกระเพาะ]()
หลายคนอาจสงสัยว่า เครียดแล้วทำไมลามไปเป็นโรคกระเพาะได้ ก็ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะว่า ความเครียดแบบมาก ๆ หรือเครียดบ่อย ๆ ต่อเนื่องกันนาน ๆ จะส่งผลให้ระบบประสาทอัตโนมัติไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ขณะที่ต่อมไทรอยด์ก็หลั่งฮอร์โมนเร่งปฏิกิริยาการเผาผลาญอาหารออกมามาก ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ และพอนอนไม่หลับก็อาจจะหิวตอนดึกได้อีก
อีกทั้งความเครียดที่สะสมยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งน้ำย่อยออกมามาก กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดการระคายเคือง ดังนั้นคนที่มีภาวะเครียดมาก ๆ จึงอาจมีอาการโรคกระเพาะที่มีสาเหตุมาจากความเครียด หรือที่เราเรียกว่าเครียดลงกระเพาะนั่นเอง
ส่วนใหญ่โรคเครียดลงกระเพาะจะมีอาการ ดังนี้
1. จุก แน่นลิ้นปี่แบบเป็น ๆ หาย ๆ โดยมักเกิดขึ้นตอนท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหาร
2. ปั่นป่วนในท้อง รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน
3. แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
4. เรอ หรือผายลมบ่อย จากกรด-แก๊สในกระเพาะอาหาร
5. อาจมีอาการท้องผูก หรือถ่ายบ่อยครั้งได้ในบางคน
6. อาการจะกำเริบเมื่อรู้สึกเครียด
อย่างไรก็ดี อาการเครียดลงกระเพาะจะค่อนข้างคล้ายอาการโรคกระเพาะโดยทั่วไป ดังนั้นหากเป็นโรคกระเพาะก็ไม่ควรเทน้ำหนักไปโทษความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น การกินยาที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร การมีพฤติกรรมสุขภาพอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย H.pylori ในกระเพาะ เป็นต้น
![เครียดลงกระเพาะ เครียดลงกระเพาะ]()
- จุดเกิดโรคอยู่คนละตำแหน่งกัน โดยโรคเครียดลงกระเพาะจะเกิดในกระเพาะอาหาร ส่วนโรคกรดไหลย้อนจะเกิดในหลอดอาหาร หรือนอกหลอดอาหาร แต่ไม่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
- โรคกรดไหลย้อนมักมีน้ำรสขมหรือเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นมาทางปาก แต่โรคเครียดลงกระเพาะจะไม่ค่อยเจออาการนี้ มีแต่อาการเรอบ่อย และความรู้สึกจุกเสียดหน้าอก
แม้โรคเครียดลงกระเพาะจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลง เพราะอาการมักเป็น ๆ หาย ๆ และแม้ผู้ป่วยราว ๆ 50% จะมีอาการดีขึ้นได้ แต่อีก 20% อาจมีอาการต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ กินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กว่าเสี่ยงจะมีอาการแทรกซ้อนหรือภาวะของโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้อักเสบ รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ในลำไส้ใหญ่ และถ้าหากอาเจียนหรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ อาจเป็นสัญญาณกระเพาะทะลุ เลือดออกในกระเพาะ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
![เครียดลงกระเพาะ เครียดลงกระเพาะ]()

สิ่งที่อันตรายอย่างความเครียด นอกจากจะทำให้เรารู้สึกปวดหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับแล้ว ยังอาจลุกลามไปลงกระเพาะอาหาร เพิ่มอาการป่วยในทางเดินอาหารให้เราได้อีกอย่าง ดังนั้นถ้าใครรู้สึกไม่ค่อยสบายเหมือนจะเป็นโรคกระเพาะ และรู้ตัวว่าเครียดบ่อย ๆ ลองมาเช็กอาการกันหน่อยว่าเราป่วยโรคเครียดลงกระเพาะอยู่ไหม อาการไหนใช่ จะได้ปรับตัวเพื่อเลี่ยงหรืออย่างน้อยก็ช่วยให้เข้าใจโรคที่เป็นอยู่ และหาทางรักษาอย่างตรงจุด
ความเครียด VS โรคกระเพาะ เกี่ยวกันอย่างไร
หลายคนอาจสงสัยว่า เครียดแล้วทำไมลามไปเป็นโรคกระเพาะได้ ก็ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะว่า ความเครียดแบบมาก ๆ หรือเครียดบ่อย ๆ ต่อเนื่องกันนาน ๆ จะส่งผลให้ระบบประสาทอัตโนมัติไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ขณะที่ต่อมไทรอยด์ก็หลั่งฮอร์โมนเร่งปฏิกิริยาการเผาผลาญอาหารออกมามาก ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ และพอนอนไม่หลับก็อาจจะหิวตอนดึกได้อีก
อีกทั้งความเครียดที่สะสมยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งน้ำย่อยออกมามาก กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดการระคายเคือง ดังนั้นคนที่มีภาวะเครียดมาก ๆ จึงอาจมีอาการโรคกระเพาะที่มีสาเหตุมาจากความเครียด หรือที่เราเรียกว่าเครียดลงกระเพาะนั่นเอง
เครียดลงกระเพาะ อาการเป็นอย่างไร
ส่วนใหญ่โรคเครียดลงกระเพาะจะมีอาการ ดังนี้
1. จุก แน่นลิ้นปี่แบบเป็น ๆ หาย ๆ โดยมักเกิดขึ้นตอนท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหาร
2. ปั่นป่วนในท้อง รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน
3. แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
4. เรอ หรือผายลมบ่อย จากกรด-แก๊สในกระเพาะอาหาร
5. อาจมีอาการท้องผูก หรือถ่ายบ่อยครั้งได้ในบางคน
6. อาการจะกำเริบเมื่อรู้สึกเครียด
อย่างไรก็ดี อาการเครียดลงกระเพาะจะค่อนข้างคล้ายอาการโรคกระเพาะโดยทั่วไป ดังนั้นหากเป็นโรคกระเพาะก็ไม่ควรเทน้ำหนักไปโทษความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น การกินยาที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร การมีพฤติกรรมสุขภาพอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย H.pylori ในกระเพาะ เป็นต้น
เครียดลงกระเพาะ VS กรดไหลย้อน อาการแตกต่างกันไหม

คนที่มีความเครียดมักจะมีภาวะหลอดอาหารมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินไป (Esophageal hypersensitivity) ทำให้หลอดอาหารไวต่อกรด เมื่อมีภาวะน้ำย่อยย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคกรดไหลย้อน ทว่าอาการโรคเครียดลงกระเพาะกับอาการโรคกรดไหลย้อนก็มีจุดสังเกตที่แตกต่างกัน ดังนี้
- จุดเกิดโรคอยู่คนละตำแหน่งกัน โดยโรคเครียดลงกระเพาะจะเกิดในกระเพาะอาหาร ส่วนโรคกรดไหลย้อนจะเกิดในหลอดอาหาร หรือนอกหลอดอาหาร แต่ไม่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
- อาการเครียดลงกระเพาะจะจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ ต่างจากโรคกรดไหลย้อนที่จะเกิดอาการแสบร้อนกลางอกหรือลิ้นปี่
- โรคเครียดลงกระเพาะจะมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ และมักจะเกิดขึ้นตอนท้องว่าง หรือหลังมื้ออาหาร ในขณะที่โรคกรดไหลย้อนจะมีอาการหลังมื้ออาหารประมาณ 30-60 นาที
เครียดลงกระเพาะอันตรายไหม
แม้โรคเครียดลงกระเพาะจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลง เพราะอาการมักเป็น ๆ หาย ๆ และแม้ผู้ป่วยราว ๆ 50% จะมีอาการดีขึ้นได้ แต่อีก 20% อาจมีอาการต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ กินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กว่าเสี่ยงจะมีอาการแทรกซ้อนหรือภาวะของโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้อักเสบ รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ในลำไส้ใหญ่ และถ้าหากอาเจียนหรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ อาจเป็นสัญญาณกระเพาะทะลุ เลือดออกในกระเพาะ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
เครียดลงกระเพาะ รักษายังไงดี

วิธีรักษาโรคเครียดลงกระเพาะโดยส่วนใหญ่ต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น
1. รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และครบ 3 มื้อ
2. เลือกกินอาหารที่ไม่กระตุ้นอาการของโรค เช่น อาหารรสจืด อาหารย่อยง่าย อาหารที่ไม่มีกรดหรือแก๊สเยอะ เป็นต้น และควรเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน ๆ ของทอด ที่ทำให้จุกแน่นท้อง
- เป็นโรคกระเพาะห้ามกินอะไร แล้วกินอะไรได้บ้าง อาการจะไม่กำเริบ
- 7 ผลไม้เคลือบกระเพาะ กินอะไรดีเมื่อแสบท้องกระเพาะอาหาร
3. หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ หรือกระตุ้นอาการที่เป็นอยู่ให้กำเริบหนักขึ้น
4. งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด เพราะระคายเคืองกระเพาะอาหาร
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน รวมทั้งยาแก้อักเสบกลุ่มเอ็นเสด เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค นาพร็อกเซน ฯลฯ เพราะยาจำพวกนี้จะมีฤทธิ์ไปกระตุ้นกระเพาะอาหารให้เกิดการอักเสบมากขึ้น แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาข้ออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
6. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมาผ่อนคลายความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ส่งผลดีต่ออาการที่เป็นอยู่ด้วย
7. หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาเพิ่มเติม ซึ่งแพทย์อาจรักษาด้วยยา หรือให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมกับอาการที่เป็นอยู่
1. รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และครบ 3 มื้อ
2. เลือกกินอาหารที่ไม่กระตุ้นอาการของโรค เช่น อาหารรสจืด อาหารย่อยง่าย อาหารที่ไม่มีกรดหรือแก๊สเยอะ เป็นต้น และควรเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน ๆ ของทอด ที่ทำให้จุกแน่นท้อง
- เป็นโรคกระเพาะห้ามกินอะไร แล้วกินอะไรได้บ้าง อาการจะไม่กำเริบ
- 7 ผลไม้เคลือบกระเพาะ กินอะไรดีเมื่อแสบท้องกระเพาะอาหาร
3. หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ หรือกระตุ้นอาการที่เป็นอยู่ให้กำเริบหนักขึ้น
4. งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด เพราะระคายเคืองกระเพาะอาหาร
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน รวมทั้งยาแก้อักเสบกลุ่มเอ็นเสด เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค นาพร็อกเซน ฯลฯ เพราะยาจำพวกนี้จะมีฤทธิ์ไปกระตุ้นกระเพาะอาหารให้เกิดการอักเสบมากขึ้น แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาข้ออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
6. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมาผ่อนคลายความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ส่งผลดีต่ออาการที่เป็นอยู่ด้วย
7. หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาเพิ่มเติม ซึ่งแพทย์อาจรักษาด้วยยา หรือให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมกับอาการที่เป็นอยู่
เครียดลงกระเพาะ ป้องกันได้ไหม
สาเหตุหลัก ๆ ของโรคเครียดลงกระเพาะก็เกิดจากความเครียด ดังนั้นวิธีป้องกันโรคเครียดลงกระเพาะก็ต้องโฟกัสที่การจัดการความเครียดของตัวเอง โดยแพทย์อาจแนะนำให้ลดความเครียดด้วยการพุดคุย ระบายความเครียดกับคนที่ไว้ใจ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากิจกรรมที่ชื่นชอบทำคลายเครียด หรืออาจปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ก็ได้
เห็นไหมคะว่าแค่เครียดก็อันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นลองเช็กตัวเองดูว่ามีสัญญาณเครียดเกินไปหรือยัง เช่น หายใจเร็ว ปวดหัว มีปัญหาความจำ กินเก่ง กินจุบจิบ อยากกินแต่ของหวาน หรือนอนไม่ค่อยหลับ เพราะถ้าเรารู้ตัวทันจะได้แก้ปัญหาได้ไว ไม่ให้กระทบกับสุขภาพร่างกายจนเสี่ยงป่วยโรคต่าง ๆ
10 วิธีคลายเครียดให้หมดไป ภายในไม่กี่นาที
บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคเครียดลงกระเพาะ
★ โอ๊ย…ปวดท้อง อาการโรคกระเพาะถามหาหรือเปล่า ?
★ คุณมีแผลในกระเพาะอาหารหรือเปล่า ?
★ ปวดยอดอก เจ็บกระเพาะ ระวังอาจไม่ใช่เพียงโรคกระเพาะ
★ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคกระเพาะ -=By หมอแมว=-
★ 10 สมุนไพรใกล้ตัว บรรเทาโรคกระเพาะได้ชัวร์ไม่ต้องทนกินยา
★ ปวดท้องตรงกลาง ปวด ๆ หาย ๆ ป่วยอะไรได้บ้าง
★ ปวดท้องข้างซ้าย เกิดจากอะไร เคลียร์ให้เข้าใจ อย่าปล่อยให้สายเกินแก้
★ คุณมีแผลในกระเพาะอาหารหรือเปล่า ?
★ ปวดยอดอก เจ็บกระเพาะ ระวังอาจไม่ใช่เพียงโรคกระเพาะ
★ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคกระเพาะ -=By หมอแมว=-
★ 10 สมุนไพรใกล้ตัว บรรเทาโรคกระเพาะได้ชัวร์ไม่ต้องทนกินยา
★ ปวดท้องตรงกลาง ปวด ๆ หาย ๆ ป่วยอะไรได้บ้าง
★ ปวดท้องข้างซ้าย เกิดจากอะไร เคลียร์ให้เข้าใจ อย่าปล่อยให้สายเกินแก้
★ คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่อาจเป็นโรค
★ ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด
★ 5 วิธีสยบเครียดก่อนนอน ไม่ให้เรื่องแย่ ๆ ตามไปหลอนในฝัน
★ 14 วิธีคลายเครียด สูตรลัดทันใจใน 2 นาที น่าลองสุด ๆ
★ ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด
★ 5 วิธีสยบเครียดก่อนนอน ไม่ให้เรื่องแย่ ๆ ตามไปหลอนในฝัน
★ 14 วิธีคลายเครียด สูตรลัดทันใจใน 2 นาที น่าลองสุด ๆ
★ 9 วิธีหายใจคลายเครียด จัดไปให้หายกังวลใน 10 นาที !
★ 11 วิธีคลายเครียดง่าย ๆ แบบไม่ต้องลุกจากโต๊ะทำงาน
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 20 กันยายน 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ
ชัวร์ก่อนแชร์
โรงพยาบาลสมิติเวช
โรงพยาบาลพญาไท
นิตยสารชีวจิต
★ 11 วิธีคลายเครียดง่าย ๆ แบบไม่ต้องลุกจากโต๊ะทำงาน
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 20 กันยายน 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ
ชัวร์ก่อนแชร์
โรงพยาบาลสมิติเวช
โรงพยาบาลพญาไท
นิตยสารชีวจิต